จีนลุยแผนพัฒนา "เซินเจิ้น" แทนที่ "ฮ่องกง" l Highlight ย่อโลกเศรษฐกิจ
The Greater Bay Area: Bridging Hong Kong, Macau and Mainland China | CNBC Reports
การประกาศนโยบายการพัฒนาโครงการ The Greater Bay Area (GBA) ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ของรัฐบาลจีนฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2559-2563) เปรียบได้กับยุทธศาสตร์สำคัญของจีนที่จะต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีนให้เชื่อมกับโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น หลังจากจีนได้ดำเนินการพัฒนาประเทศจากผู้ผลิตสินค้ำเกษตรกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน จนมาถึงการกำหนดเขตกวางตุ้ง (Guangdong) เป็นเศรษฐกิจพิเศษ Pearl River Delta (PRD) เพื่อผลิกฟื้นจากเขตเกษตรกรรมเป็นเขตอุตสาหกรรมและประสบความสำเร็จอย่างสูงจนถึง
Greater Bay Area ครอบคลุมพื้นที่ 55,904 ตารางกิโลเมตร มีประชากรรวมกันประมาณ 70 ล้านคน ขนาดจีดีพี 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นความใฝ่ฝันของจีนที่จะพัฒนาให้กลุ่มเมืองดังกล่าวเติบโตเทียบชั้นกลุ่มเมืองรอบมหานครโลก ไม่ว่าจะเป็น San Francisco Bay Area, New York Metropolitan Area ของอเมริกา และ Greater Tokyo Area ของญี่ปุ่น
โครงการดังกล่าวของจีนสะท้อนให้เห็นความทะเยอทะยานด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และสอดคล้องกับแผน Made in China 2025 ที่มีเป้าหมายจะเป็นยักษ์ใหญ่การผลิตที่แข็งแกร่งภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต กระนั้นก็ตาม Greater Bay Area ยังต้องเดินทางอีกไกล เนื่องจากภาคบริการของมันมีสัดส่วนต่อจีดีพีน้อยกว่า 70% ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก และโตเกียว
Bay Area ของจีนถูกเอ่ยถึงครั้งแรกในพิมพ์เขียวความริเริ่ม One Belt, One Road หรือโครงการสายไหมศตวรรษที่ 21 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว นับจากนั้นชื่อนี้ก็ถูกกล่าวขานกันมากในประชาคมธุรกิจของจีนและที่อื่น ๆ
ความคืบหน้าแผน Greater Bay Area
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 รัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และรัฐบาลเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ได้ร่วมกันจัดการสัมมนา 2019 Guangdong – Hong Kong – Macao Economic Technology and Trade Cooperation Conference ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center (HKCEC) โดยภาพรวมของการสัมมนาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และมณฑลกวางตุ้ง ในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการค้า รวมถึงความคืบหน้าในการดําเนินการตามแผนพัฒนากรอบความร่วมมือกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Outline Development Plan for Guangdong – Hong Kong – Macao Greater Bay Area) ซึ่งภายหลังการสัมมนาได้มีการจัดการประชุม Round Table Meeting โดยรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคการค้า การผลิต และอุตสาหกรรมของฮ่องกงและต่างประเทศ ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ ประมาณ 500 คน และผู้เข้าร่วมการประชุมฯ กว่า 50 คน ประกอบไปด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ สถานกงสุลใหญ่ต่างประเทศประจําเมืองฮ่องกง และผู้แทนจากภาคเอกชน
จากมุมมองฮ่องกง นาย Paul Chan, Financial Secretary ของฮ่องกง กล่าวคําปราศรัยในพิธีเปิดและย้ำถึงบทบาทของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การขนส่ง การบิน การซื้อขายเงินหยวน นอกจีนแผ่นดินใหญ่ การบริหารสินทรัพย์และความเสี่ยงระหว่างประเทศ นวัตกรรมและเทคโนโลยี และการให้บริการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท ภายใต้กรอบความร่วมมืออ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA) และกล่าวว่า GBA จะช่วยสร้างโอกาสให้ทั้ง 3 เมืองสามารถใช้จุดแข็งของตนมาร่วมมือกันพัฒนาประเทศ เพื่อให้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน ทั้งนี้ Dr. Jonathan Choi, member of Standing Committee of the CPPCC National Committee และ Chairman of the Chinese General Chamber of Commerce ฮ่องกง คาดหวังว่าจะมีการจัดตั้งสํานักงานควบคุมดูแลด้านการเงิน (Financial Supervision Bureau) และกองทุนพัฒนา GBA (GBA Development Fund) ขึ้น เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในเขตพื้นที่ GBA
จากมุมมองมาเก๊า นาย Leong Vai Tac รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังมาเก๊า กล่าวว่า มาเก๊ามีบทบาทสําคัญในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเป็นคนกลางที่จะช่วยเชื่อมโยงจีนกับประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส ปัจจุบัน มีการจัดตั้งกองทุน Sino – Portuguese Fund ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและให้คําปรึกษาแก่วิสาหกิจจีนที่จะไปลงทุนในประเทศที่ใช้ภาษาโปรตุเกส และดึงดูดวิสาหกิจโปรตุเกสให้เข้ามาลงทุนในจีน ในขณะเดียวกัน นาย Shi Jialun, Deputy to the National People’s Congress และ Chairman of Guangdong-Macao Association of Industry and Commerce กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่จีนปกครองมาเก๊าโดยใช้หลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ทําให้มาเก๊ามีอิสรภาพทางด้านเขตพื้นที่สรรพากร และมีอัตราภาษีต่ำที่สุดในบรรดาเมืองต่าง ๆ ใน GBA และต้องการให้ทั้ง 3 รัฐบาลร่วมมือกันหาทางแก้ปัญหาและกําจัดอุปสรรค เพื่อให้การเคลื่อนย้ายบุคลากรและสินค้าระหว่างทั้ง 3 พื้นที่มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
จากมุมมองกวางตุ้ง นาย Lin Ji, Deputy Secretary General of the People’s Government of Guangdong Province กล่าวว่า รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งอยู่ระหว่างการปรับปรุงให้ GBA มีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออํานวยต่อการลงทุนและการทําธุรกิจ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วหลายอย่าง เช่น มีการจัดตั้งกองทุนวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการพัฒนาทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงกันภายในพื้นที่ GBA ได้แก่ การเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงกว่างโจว – เซินเจิ้น – ฮ่องกง (Guangzhou – Shenzhen – Hong Kong Express Rail Link) สะพานฮ่องกง – จูไห่ มาเก๊า (Hong Kong – Zhuhai – Macao Bridge) ท่าเรือ Hengqin Port และ Liantang Port อีกทั้งมหาวิทยาลัย Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนําของฮ่องกงก็กําลังเตรียมตัวเข้าไปเปิดสาขาในเขตหนานซา นครกว่างโจว ทั้งนี้ ทางรัฐบาลยังมีแผนที่จะทําให้ระบบการศุลกากรในพื้นที่ GBA เป็น One-stop Clearance เพื่ออํานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายบุคลากรและสินค้าระหว่างกัน และเสนอให้รัฐบาลทั้ง 3 ฝ่ายช่วยกันส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวัสดิการและบริการสังคม การศึกษา และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทางด้านนาย Li Wei ซึ่งเป็นผู้จัดการของบริษัท Guangzhou Pharmacy Holdings (Hong Kong) ได้เสนอแนะให้ทั้ง 3 รัฐบาลช่วยกันส่งเสริมยาจีนแผนโบราณ (Traditional Chinese Medicine: TCM) ให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของ GBA และจัดระบบรับรองมาตรฐานเพื่อทําให้ยาจีนแผนโบราณเป็นที่รู้จักและยอมรับในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
(1) การจัดตั้ง Guangzhou – Shenzhen – Hong Kong – Macao Technology Innovation Corridor และ GBA International Innovation and Technology Center ซึ่งอยู่ในแผนการของรัฐบาลจะก่อให้เกิดผลประโยชน์อย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมการผลิต โดยผู้ประกอบการจะสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้
(2) รัฐบาลควรให้การสนับสนุน SME ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ GBA มากขึ้น เช่น ให้สิทธิประโยชน์ทางด้านเงินกู้ ให้เงินอุดหนุน และลดหย่อนภาษี เป็นต้น
(5) เนื่องจากกฎระเบียบในพื้นที่ GBA มีความแตกต่างกัน จึงควรมีศูนย์กลางการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทสําหรับ GBA โดยเฉพาะ ซึ่งก็มีการเสนอให้จัดตั้งศูนย์ดังกล่าวในฮ่องกง นอกจากนี้ เอกสารสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างบริษัทควรระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไว้เพื่อใช้ในกรณีที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
(6) นาย Masakazu Yagyu, Secretary General of the HK Japanese Chamber of Commerce & Industry เสนอแนะให้รัฐบาลปรับปรุงมาตรฐานและกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการฟื้นฟูสมรรถภาพสําหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลสังคมผู้สูงอายุกําลังให้ความสนใจที่จะลงทุนในตลาดสินค้าและบริการสําหรับผู้สูงอายุใน GBA
(7) นาย Dato Lawrence Liu, Vice Chairman of the Malaysian Chamber of Commerce (HK and Macau) เสนอให้มีการเชื่อมโยงมาเลเซียเข้ากับ GBA โดยมาเลเซียสามารถมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจใน GBA ได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของมาเลเซีย ทั้งยังมีพื้นที่ในเมืองปีนังที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Silicon Valley of the East และมีข้อได้เปรียบอื่น ๆ เช่น ตําแหน่งที่ตั้งของมาเลเซียนั้นอยู่ใจกลาง ASEAN ใกล้กับสิงคโปร์มาก และมีประเทศไทยอยู่ทางเหนือ มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อม มีต้นทุนการผลิตถูก และมีบุคลากรที่สามารถพูดได้หลายภาษา เป็นต้น
กรกฎาคม 2560 นายเหอ ลี่เฟิง ประธานคณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติ นายหม่า ซิ่งรุ่ย ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง นางแครี แลม (Carrie Lam) ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และนายชุย ซื่ออัน ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ร่วมลงนาม “กรอบข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมการสร้างเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกงมาเก๊าและความร่วมมือเชิงลึก” (The Framework Agreement on Deepening Guangdong-Hong Kong-Macao Cooperation in Development of the Bay Area) โดยมีนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเป็นสักขีพยาน
Greater Bay Area คือเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุกที่ประกอบไปด้วยฮ่องกงมาเก๊า และ 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ กวางโจว, เซินเจิ้น, จูไห่, ฝอซาน, ฮุ่ยโจว, ตงกวน, จงซาน, เจียงเหมิน และเจ้าชิ่ง
Greater Bay Area มีขนาดพื้นที่ประมาณ 5.5 หมื่นตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 69.5 ล้านคน (จำนวนประชากรพอๆ กับประเทศไทย!) และมีตัวเลขรวม GDP สูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
ถ้าเทียบ Greater Bay Area กับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกที่ถือเป็นคู่แข่ง จะยิ่งเห็นความได้เปรียบที่ชัดเจนมาก
เขต New York City ที่เป็นศูนย์กลางทางเงินโลก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.1 หมื่นตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 20 ล้านคน
San Francisco Bay Area ที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีโลกอย่าง Silicon Valley มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.8 หมื่นตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 7.8 ล้านคน
Tokyo Bay Area ที่เป็นพื้นที่ที่แข็งแกร่งด้านอุตสาหกรรมการผลิตแห่งหนึ่งของโลก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.36 หมื่นตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 44 ล้านคน
Greater Bay Area ชนะเรียบ!
แต่ Greater Bay Area ก็ไม่ได้มี “ดี” แค่จำนวนประชากรและขนาดพื้นที่เท่านั้น หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งในแง่เศรษฐกิจ การเงิน นวัตกรรม เทคโนโลยี ก็อยู่ในระดับที่สู้กับพื้นที่อื่นๆ ได้เหมือนกัน
รู้หรือไม่ว่า Greater Bay Area มีบริษัทที่ติดอันดับ 500 แรกของโลกกว่า 20 บริษัท นอกจากนั้นใน Greater Bay Area ยังมีหลากหลายภาคส่วนทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่ง ยกตัวอย่างเช่น
ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งเคยวิเคราะห์ไว้ว่า Greater Bay Area มีความได้เปรียบอย่างมากในเชิงภูมิศาสตร์ พร้อมทั้งเชื่อว่าหากจีนผลักดันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะเกิดการผนึกกำลังในหลายอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมที่จะถูกท้าทายมากที่สุดคือภาคการเงินในสิงคโปร์ แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนที่ไม่เห็นด้วย โดยมองว่าสิงคโปร์จะไม่ได้รับผลกระทบหรือความท้าทายจาก Greater Bay Area มากนัก เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
แต่อย่างไรก็ดี ในภาพใหญ่แล้ว Greater Bay Area มีความได้เปรียบสำหรับการต่อสู้ในโลกอนาคตทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะการแข่งกันด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ การผลิตอัจฉริยะ(ลดการใช้แรงงานมนุษย์) หรือเรื่อง Internet of Things (IoT) ซึ่ง Greater Bay Area มีหมด แต่ก็มีจุดด้อยใหญ่ที่ต้องรีบแก้ คือต้องลดการพึ่งพาเทคโนโลยีสำคัญๆ จากต่างชาติ แล้วหันมาพึ่งตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นี่คือภาพทั้งหมดในฉบับคร่าวๆ ของ Greater Bay Area ที่เราควรรู้
ก่อนหน้านี้ ถ้าพูดถึง Greater Bay Area จะมีความคิดอย่างน้อย 2 ด้านสำหรับนักวิเคราะห์ คือมีทั้งที่เห็นด้วย และอีกฝั่งคือไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่ยังมองภาพของ Greater Bay Area ได้ไม่ชัดเจนนัก คำวิจารณ์ที่มีน้ำหนักคือ ไม่รู้ว่าจีนต้องการทำอะไรกันแน่
แต่แผนใหม่ของจีนผ่าน Greater Bay Area ก็เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่านี่คือแผนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหม่ พร้อมทั้งเชื่อมเศรษฐกิจและการเมืองของจีนแผ่นดินใหญ่ตามแผน “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งแน่นอนเวลาพูดแบบนี้ หลายคนจะมองว่าพระเอกของ Greater Bay Area น่าจะเป็น “ฮ่องกง” เพราะที่ผ่านมา ความได้เปรียบที่สุดของฮ่องกงคือ Rule of Law หรือระบบระเบียบการเมือง-กฎหมายที่ต่างชาติให้ความเชื่อถือ/เชื่อมั่นมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าเงินที่ไหลเข้าจีนเพื่อไปลงทุนก็ผ่านทางฮ่องกงอย่างมหาศาล
Zhang Yansheng หัวหน้าใหญ่ฝ่ายวิจัยจาก China Centre for International Economic Exchanges ระบุว่า รัฐบาลจีนต้องการให้เซินเจิ้นเป็นพื้นที่ทดลองในการสร้างเศรษฐกิจนวัตกรรมครั้งใหญ่และล้อไปกับแนวคิดแบบสังคมนิยม (socialism)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางการจีนเผยแผนใหม่ที่มีชื่อว่า Greater Bay Area โดยประกอบด้วยฮ่องกง มาเก๊า และ 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ กวางโจว, เซินเจิ้น, จูไห่, ฝอซาน, ฮุ่ยโจว, ตงกวน, จงซาน, เจียงเหมิน และเจ้าชิ่ง
แม้ว่าแผน Greater Bay Area ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า แผนใหม่ของจีนในครั้งนี้สามารถโค่นล้มสิงคโปร์ได้ เพราะจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่แห่งใหม่
หนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ที่มองไปในทิศทางนี้คือ Lawrence Loh ผู้อำนวยการของ Centre for Governance จาก NUS Business School โดยระบุว่า แผนใหม่ของจีนได้เปรียบอย่างมากในทางภูมิศาสตร์ เชื่อว่าหากเป็นไปตามแผนนี้จะเกิดการผนึกกำลังในหลายอุตสาหกรรมและหลายตลาด ซึ่งอุตสาหกรรมที่จะถูกท้าทายมากที่สุดในสิงคโปร์ คือ “ภาคการเงิน”
หากดูจากตัวเลขสถิติ ตามแผนของ Greater Bay Area ถือว่าเหนือว่าสิงคโปร์ในหลายด้าน เช่น มีประชากรสูงถึง 71 ล้านคน มากกว่าสิงคโปร์ถึง 12 เท่า นอกจากนั้นยังมี GDP รวมกันประมาณ 1.64 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าสิงคโปร์ถึง 5 เท่า
ส่วน Tommy Xie หัวหน้าของ Greater China Research จาก OCBC Bank มองว่า แผนใหม่ของจีนจะทำให้ฮ่องกงได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เพราะจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินใหม่ และแน่นอนจะกลายเป็นความท้าทายแห่งใหม่ของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางทางการเงิน
Duncan Innes-Ker จาก The Economist ให้ความเห็นว่า Greater Bay Area จะไม่เป็นภัยคุกคามสำหรับสิงคโปร์ เนื่องจากฮ่องกงกับสิงคโปร์เป็นเมืองระดับโลก (Global City) ที่ดึงดูดเงินลงทุนและแรงงานทักษะสูงจากทั่วโลกอยู่แล้ว
ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลที่สิงคโปร์จะไม่ได้รับผลกระทบ หรือความท้าทายจาก Greater Bay Area มากนัก เป็นเพราะการที่สิงคโปร์ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างในปี 2018 ที่ผ่านมา เงินลงทุนในส่วน FinTech อย่างเดียวในสิงคโปร์ก็ได้รับเม็ดเงินสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 2 เท่า โดยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 365 ล้านดอลลาร์
คณะรัฐมนตรีจีนสั่งให้รวมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของเสิ่นเจิ้นเข้ากับฮ่องกงและมาเก๊า เพื่อยกระดับเสิ่นเจิ้นให้เป็นพื้นที่นำร่องของการเป็นสังคมนิยมแบบจีน และขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ Greater Bay Area
แผนการพัฒนานี้มีเป้าหมายที่จะยกระดับเสิ่นเจิ้นให้เป็นพื้นที่นำร่องของการเป็นสังคมนิยมแบบจีน (socialism with Chinese characteristics) และแม้ว่าในแผนยังไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่หนึ่งเป้าหมายที่สำคัญคือการปรับโฉมเสิ่นเจิ้นให้เป็นเมืองที่เศรษฐกิจเข้มแข็งและมีการพัฒนาที่มีคุณภาพ ติดอันดับโลกในปี 2025
เอกสารทางการในชื่อ Guidelines on supporting Shenzhen in building a pilot demonstration area of socialism with Chinese characteristics ยังมีเป้าหมายปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์สำหรับ Greater Bay Area และส่งเสริมนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบ
แนวทางนี้ได้ให้เสิ่นเจิ้นใช้โอกาสจากโครงการ Greater Bay Area และตอกย้ำสถานะการเป็นเครื่องยนต์หลัก
ข้อมูลจากองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council) ระบุว่า Greater Bay Area มีประชากรรวมกัน 71.16 ล้านคน มี GDP รวมกัน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2018 สูงเป็นอันดับสามรองจากอ่าวโตเกียว (Tokyo Bay Area) และนิวยอร์ก
เทียน เฟยหลง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเป่ยหางและผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการฮ่องกง ให้ความเห็นว่า การประกาศคำสั่งของคณะรัฐมนตรีที่มีขึ้นหลังการประท้วงที่ยืดเยื้อของฮ่องกง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกลางตัดสินใจแล้วว่าเสิ่นเจิ้นต้องเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของยุทธศาสตร์ Greater Bay Area
“ฮ่องกงไม่เหมาะที่จะมีบทบาทหลักในยุทธศาสตร์ Greater Bay Area และควรที่จะเป็นเมืองจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่บทบาทของฮ่องกงในยุทธศาสตร์นี้ยังไม่มีใครแทนได้ เพราะยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ” เทียน เฟยหลง กล่าว
ขณะที่ อังกัส อึ้ง ฮก หมิง รองประธานสมาคมเยาวชนแห่ง Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area ให้ความเห็นว่า คำสั่งนี้ยิ่งเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งของการพัฒนาโครงการ Greater Bay Area และเป็นที่น่ายินดีที่ได้เห็นการสนับสนุนเสิ่นเจิ้นอย่างมากในเชิงนโยบาย เมื่อการกำกับดูแลของฮ่องกงมีปัญหาและข้อจำกัดในการจัดการกับประเด็นทางเศรษฐกิจและด้านที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คน
ในแง่มุมมองของแผนยุทธศาสตร์ของจีน การพัฒนา Greater Bay เป็นการขยายพื้นที่ทางเศรษฐกิจออกมาจากเขต Pearl River Delta (PRD) โดยมีฮ่องกงรับบทบาททำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเขต PRD ออกสู่เศรษฐกิจภายนอก และยกระดับเป็นเศรษฐกิจโลกเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาประเทศจีนฉบับที่13 (The National 13th Five-Year Plan) บวกกับนโยบาย “One Belt One Road” ซึ่งเป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจคู่ระหว่างการขยายตัวจากจากเศรษฐกิจภายในออกสู่ภายนอก และการเชื่อมต่อกับเศรษฐกิจภายนอก โดยภายในเขต Greater Bay มีการพัฒนาการบริหารการใช้ของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าด้วยประโยชน์สูงสุด เพื่อการเสริมสร้างความสามารถในด้านนวัตกรรม และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สำหรับบทบาทต่อภายนอกของ Greater Bay คือจะเป็นหน้าต่างทางการค้าระหว่างจีน และต่างประเทศ ในด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้งของพื้นที่อ่าว Greater Bay จะหันไปทางใต้ของทะเลจีนใต้ และติดกับประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางหลักของ Maritime Silk Road อีกด้วย ที่มา: https://www.thaibizchina.com
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้นักธุรกิจฮ่องกงสนใจย้ายฐานการผลิตมายังเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เนื่องจาก EEC สามารถเชื่อมโยงกับโครงการ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในกวางตุ้ง ประกอบด้วย กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า เป็นหัวหอกเชื่อมโยงอาเซียนและเชื่อมโยงกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt, One Road) ของจีนนั่นเอง
GBA คืออะไร และ เชื่อมโยงกับกับ EEC อย่างไร เรามีคำตอบมาฝากกัน
จุดเริ่มต้น GBA
การประกาศนโยบายการพัฒนาโครงการ The Greater Bay Area (GBA) ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ของรัฐบาลจีนฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2559-2563) เปรียบได้กับยุทธศาสตร์สำคัญของจีนที่จะต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีนให้เชื่อมกับโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น หลังจากจีนได้ดำเนินการพัฒนาประเทศจากผู้ผลิตสินค้าเกษตรกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน
โดยกำหนดให้เขตกวางตุ้ง (Guangdong) เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ Pearl River Delta (PRD) เพื่อผลิกฟื้นจากเขตเกษตรกรรมเป็นเขตอุตสาหกรรมและประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงปี 2556-2558กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำเร็จรูปที่สำคัญ ตลอดจนเทคโนโลยี นวัตกรรมจากต่างชาติที่ไหลเข้าสู่จีน ทำให้เขต PRD เป็นแหล่งรวมการผลิตสินค้าป้อนตลาดโลกที่สำคัญแห่งหนึ่ง
โครงการ GBA เป็นการต่อยอดจาก PRD ในฐานะการพัฒนาจากเขตการผลิตสินค้าราคาถูกสู่การผลิตสินค้านวัตกรรมเทคโนโลยีตลอดจนศูนย์รวมของการค้าการขนส่งและการเงินโดยเฉพาะเงินหยวน
จับตาก้าวย่าง "แจ๊ค หม่า" สู่การเมืองโลก (19 ก.ย.62) กาแฟดำ | 9 MCOT HD จับตาก้าวย่าง "แจ๊ค หม่า" สู่การเมืองโลก (ตอน 2) (20 ก.ย.62) กาแฟดำ | 9 MCOT HD The Jack Ma Story EP1 เปิดชีวิตของคนไม่เคยยอมแพ้ แจ็ค หม่า The Jack Ma Story EP2 จุดกำเนิด อาณาจักรอาลีบาบา The Jack Ma Story EP.3 ปรัชญาการทำงานของ Jack Ma The Jack Ma Story EP.4 Exclusive Suthichai Yoon and Jack Ma the Jack Ma Story EP5 "from STeVE JOBS to JACK MA to Thailand 4.0" The Jack Ma Story EP6 แจ็คหม่า กับประเทศไทย ตอบโจทย์ : รู้ทัน “แจ็ค หม่า” เท่าทัน “ตลาดออนไลน์” ( 24 เม.ย. 61) โลกป่วน Disrupted World : มังกรผู้พลิกโลก "Jack Ma" (1 พ.ค. 61)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น