สื่อฮ่องกงแนะใครเบื่อการประท้วงให้ย้ายมา ‘อยู่ไทย’

อีลิท คาร์ด ไตรมาสแรกยอดขายโตเกือบ 60% กำไร 276 ล้านบาท ประกาศตัวเป็นผู้นำในเอเชียที่ให้บริการด้านสิทธิเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศ

นายมานะ พงศานรากุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2562 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 364 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 22.82 และคิดเป็นอัตราเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 58.54 โดยคิดเป็นผลกำไรจำนวน 276 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายสมาชิกใหม่ และค่าธรรมเนียม
“ปัจจัยที่ทำให้ ไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด มีผลประกอบการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายถึง 22.82% ในไตรมาสแรก เป็นเพราะเรามีแพ็คเกจบัตรให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ค่อนข้างหลากหลาย และการบริการที่ตรงกับความต้องการและน่าประทับใจ รวมถึงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี ระบบหลังบ้านที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วขึ้น ทำให้สมาชิกฯ เข้าถึงบริการได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบัน เรายังคงให้ความสำคัญกับการปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยี และแอ็ปพลิเคชันต่างๆ เพื่อมุ่งพัฒนาการบริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า” นายมานะกล่าว
ข้อมูลปีงบประมาณ 2561
( 1 ตุลาคม 2560 – 30 กันยายน 2561)
ไตรมาสที่ 1 ของปี 2562
( 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561)
เป้าหมายที่ตั้งไว้824 ล้านบาท296 ล้านบาท
รายได้จากการขายบัตร1,021 ล้านบาท364 ล้านบาท
ผลกำไรจากการขายบัตร671 ล้านบาท276 ล้านบาท
สูงกว่าเป้าหมาย23.91%22.82%

ปัจจุบัน สมาชิกไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด มีจำนวนทั้งิสิ้น 7,617 ราย (ณ วันที่ 25 มีนาคม 2562) แบ่งเป็นสมาชิกฯ รุ่นเก่า ตั้งแต่บริษัทฯ เปิดดำเนินการจนถึงปี 2556 จำนวน 2,445 ราย และสมาชิกฯ รุ่นใหม่ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 5,172 ราย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตของยอดขายบัตรสมาชิก ประมาณร้อยละ 37 และสัญชาติของสมาชิกฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น อเมริกา และฝรั่งเศส
“บริษัทยังได้วางแผนพัฒนาและกำหนดกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจในระยะยาว 5 ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ว่าจะเป็น “ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชีย ที่ให้บริการด้านสิทธิพิเศษแก่บุคคลสำคัญเพื่อการพำนักในประเทศไทย” โดยมีแผนพัฒนาสินค้า การบริการ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับสมาชิก รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการขายและการตลาดให้ตรงกับความต้องการตลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะต้องเพิ่มความใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการและสิทธิประโยชน์เด่นๆ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการดำเนินธุรกิจ เช่น เรื่องการอำนวยความสะดวกในเรื่องของการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง และติดต่อหน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่ต้อนรับประจำสนามบิน และบริการรถลีมูซีน
ซึ่งผมคาดหวังให้บริษัทฯ มีบทบาทในการช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของไทยในส่วนของนักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อสูงให้เกิดมีความยั่งยืน รวมถึงมีโอกาสทำประโยชน์และแสดงความขอบคุณแก่ชาวต่างชาติผู้ทำคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ให้แก่ประเทศไทย ดังเช่นกรณีการมอบบัตรอีลิทคาร์ดรุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ให้แก่อาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาช่วยกู้ภัยที่ถ้ำหลวง ซึ่งนอกจากการที่สมาชิกฯ เข้ามาพำนักอาศัยระยะยาว ทำให้เป็นการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนและใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว ความพึงพอใจและประทับใจในการได้รับการดูแลต้อนรับและบริการที่ดี ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย” นายมานะกล่าว

https://www.brandbuffet.in.th/2019/04/thailand-elite-card-pr/

BRIEF: ชีวิตดีเพราะมีเงิน? Thailand Elite อยู่แบบ ‘ชนชั้นสูง’ ในเมืองไทย ขอเพียงชาวต่างชาติจ่าย 2 ล้านบาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมรายปี)
.
1. สื่อต่างชาติหลายเจ้ารายงานถึงโครงการ Thailand Elite ที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทย นี่เป็นโครงการของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2003 โดยพุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติที่มีฐานะร่ำรวย เพื่อให้เลือกไทยในฐานะที่พักอาศัย (อาจจะในบั้นปลาย)
.
2. คุณพฤทธิ์ บุปผาคำ ผู้จดการบริษัทไทยแลนด์ พรีวิเลจการ์ด ผู้ดำเนินโครงการไทยแลนด์อีลิท ภายใต้ ททท.ให้สัมภาษณ์กับฐานเศรษฐกิจในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่า "โครงการอีลิทการ์ดไม่ใช่ประเด็นเหมือนในอดีต เพราะรัฐบาลชุดไหนขึ้นมาก็มีนโยบายเหมือนกันหมด คือต้องการยกระดับประเทศไทยในสองเรื่อง คือเรื่องการท่องเที่ยวและกระตุ้นให้เกิดการลงทุน"
.
3. ชาวต่างชาติที่สนใจโครงการนี้สามารถจ่ายเงิน 2 ล้านบาท ($60,000) เพื่อการพำนักอาศัย 20 ปี จ่ายค่าธรรมเนียมอีกปีละ 20,775 บาท ($600) แต่ถ้าต้องการอยู่เพียงสิบปี ก็อาจจ่ายเพียงครึ่งราคาเท่านั้น หรือถ้า 5 ปี ก็จ่ายเพียง $15,000 เท่านั้น
.
4. เมื่อจ่ายเงินแล้วได้อะไรบ้าง
- ได้การต้อนรับขับสู้อย่างดีที่สนามบิน
- ได้ไพรออริตี้ในการตรวจคนเข้าเมือง
- มีห้องรับรองส่วนตัว
- ลีมูซีนจากสนามบินไปส่งที่พัก
- ใช้สนามกอล์ฟ 24 ครั้งต่อปี
- ใช้สปาได้ 24 ครั้งต่อปี
- ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลชั้นนำรายปี
- ได้ความช่วยเหลือทางด้านการทำใบขับขี่และขออนุญาตทำงาน
- บริการผู้รับใช้ส่วนตัว (concierge service)
.
คุณพฤทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า "เราจะช่วยเหลือสมาชิกในทุกทาง เราจะสมัครขออนุญาตทำงานให้สมาชิกก็ได้ เราจะทำใบขับขี่ให้ถ้าพวกเขาต้องการ เราช่วยพวกเขาทำเรื่องพวกนี้ให้ได้" ("We rise to the occasion for our members. We can apply for a work permit if they'd like to. We can apply for a driving licence if they'd like to. We are helping them to get those licences.")
.
5. คุณพฤทธิ์คาดว่าจะมีผู้สมัครประมาณ 1,000 คน โดยพุ่งเป้าไปที่วัยเกษียณ , หลังจาก Brexit แล้ว เขาก็บอกว่า "ผมคิดว่า Brexit น่าจะให้โอกาสประเทศไทยในการขยายตลาดมากขึ้น และทำให้ชาวต่างชาติรู้จักประเทศไทยมากขึ้น คุณอยากอยู่ในประเทศไทยยาวนานถึง 20 ปีก็ได้ ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศ ทั้งสหราชอาณาจักร และไทย"
.
6. ข้อดีและข้อท้วงติงของโครงการนี้ ค่อนข้างเป็นที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว ขณะที่ข้อดีคือสามารถนำเงินจำนวนหนึ่งเข้าประเทศทั้งทางตรง (จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ) และทางอ้อม (ค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่เข้ามา และบุคคลรอบๆ) และอาจเป็นการเพิ่มชื่อเสียงของประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ท้วงติงว่านี่จะเป็นการเพิ่ม หรือตอกย้ำซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำอีกหรือไม่
บทสัมภาษณ์คุณพฤทธิ์ จากฐานเศรษฐกิจ
http://www.thansettakij.com/content/130296
เอกสารโครงการ Thailand Elite
http://www.thailandelite.com/do…/downloadable_form_file1.pdf

สื่อฮ่องกงแนะใครเบื่อการประท้วงให้ย้ายมา ‘อยู่ไทย’

ประเด็นน่าสนใจ

  • ’เซาท์มอร์นิ่งโพสต์ ‘สื่อในฮ่องกงระบุ หากเบื่อการประท้วงในฮ่องกง ให้ย้ายมาอยู่ประเทศไทย
  • สาเหตุที่แนะนำเช่นนั้น เพราะค่าใช้จ่ายถูกและคุ้มค่า
  • ขณะนี้ฮ่องกงประสบเหตุประท้วงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน
สืบเนื่องจากเหตุประท้วงรุนแรงในฮ่องกงเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3  เนื่องจากประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการผ่านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไปยังจีน โดยเว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ได้เผยแพร่รายงานที่แนะนำเกี่ยวกับการย้ายออกจากฮ่องกงเพื่อหลีกเลี่ยงการเมืองที่ตึงเครียดในฮ่องกง โดยมีการแนะนำประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การย้ายมาอาศัยอยู่ เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพงและคุ้มค่า
นอกจากนี้รายงานระบุว่าถึงโครงการ Thailand Elite โครงการในประเทศไทยซึ่งจะมอบสิทธิประโยชน์แก่ชาวต่างชาติที่ต้องการพำนักในประเทศไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยค่าสมัครเข้าร่วมโครงการเริ่มต้นที่ 5 แสนบาท นับว่าเป็นโครงการวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติราคาถูกที่สุดในเอเชีย
โดยโครงการนี้ สามารถขอสิทธิวีซ่าฟรีได้ตั้งแต่ 5 ปีจนถึงสูงสุด 20 ปี พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมายตั้งแต่สนามบิน สนามกอล์ฟ สปา โรงแรมต่างๆ ขณะที่่ราคาคอนโดในกรุงเทพฯหลายแห่งที่ทำเลดีๆนั้นสามารถซื้่อได้ด้วยราคาที่ต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนผู้เข้าโครงการ Thailand Elite ทั้งหมดนั้นกว่า 1 ใน 3 เป็นพลเมืองจากจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างการย้ายถิ่นไปพำนักในประเทศกรีซ หรือสาธารณรัฐเฮลเลนิก นั้นเป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรปที่สามารถขอ โกลเด้นวีซ่า ได้ในราคาถูกที่สุดของยุโรป ด้วยเงื่อนไขลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เริ่มต้นที่ 277,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,400,000 บาท โดยโครงการนี้ เป็นการเข้าโครงการวีซ่าผ่านการลงทุนด้านอสังหาฯ ซึ่งผู้เข้าโครงการมีสิทธิ์ที่จะขายอสังหาฯและได้กำไรกลับคืน
นับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีชาวฮ่องกงสนใจย้ายไปพำนักในต่างประเทศทั้งชั่วคราวและถาวรมากขึ้น โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทำไม “เซินเจิ้น” จะเป็นอนาคตของเศรษฐกิจจีน ไม่ใช่ “ฮ่องกง”

จับตาก้าวย่าง "แจ๊ค หม่า" สู่การเมืองโลก