ม็อบฮ่องกง VS ความฝันของจีน มองอย่างเข้าใจ
ม็อบฮ่องกง VS ความฝันของจีน มองอย่างเข้าใจ
ม็อบฮ่องกง VS ความฝันของจีน มองอย่างเข้าใจ : คนเคาะข่าว 21/08/2019
20 ปี ฮ่องกง : Gen-Y ปฏิเสธความเป็นจีน - Springnews
ฮ่องกงอยู่รูหนู เพราะแกนนำประชาธิปไตยขวางบ้านราคาถูก

การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงยังดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่ 12 หลายครั้งจบลงด้วยการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจ
การปะท้วงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนเมื่อ 22 ปีที่แล้ว เริ่มต้นขึ้นจากการแสดงพลังคัดค้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่กำหนดให้ฮ่องกงต้องส่งตัวผู้กระทำความผิดไปดำเนินคดีที่จีนแผ่นดินใหญ่ตามคำขอของจีน ทำให้ชาวฮ่องกงกลัวกันว่าจีนจะใช้ประโยชน์จากกฎหมายนี้ในการจัดการกับคนฮ่องกงที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลจีนหรือเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน
จากการสำรวจราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก หรือ Demographia International Housing Affordability Survey ของปีนี้ พบว่า ฮ่องกงขึ้นแท่นเป็นเมืองที่ราคาที่พักอาศัยแพงที่สุดในโลกเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน โดยราคาเฉลี่ยของที่พักอาศัยในฮ่องกงสูงกว่ารายได้ครัวเรือนเฉลี่ยต่อปีถึง 20.9 เท่า ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการสำรวจนี้
ในขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นเป็นผลดีกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คนที่รายได้น้อยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่กลับต้องกระเสือกกระสนอย่างหนักเพื่อให้มีบ้านของตัวเอง ที่พักอาศัยในฮ่องกงจะแบ่งขายหน่วยเล็กๆ เป็นตารางฟุต เฉลี่ยอยู่ที่ตารางฟุตละ 19,500 เหรียญฮ่องกง หรือราว 75,981 บาท คนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยจึงต้องจำยอมพักในไมโครอพาร์ทเม้นท์ หรืออพาร์ทเม้นท์ขนาดจิ๋วที่มีพื้นที่ทั้งหมดเท่ากับที่จอดรถยนต์คันเดียวเท่านั้น ถ้าเทียบกันแล้วบ้านทั้งหลังของชาวฮ่องกงอาจจะเป็นแค่ห้องนอนใหญ่ในหลายประเทศ
ส่วนการเช่าก็แพงไม่แพ้กัน ค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ในฮ่องกงเริ่มที่ 20,000 เหรียญฮ่องกง หรือราว 77,965 บาทต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยเงินเดือนของชาวฮ่องกงเสียอีก จึงไม่แปลกที่เมื่อปีที่แล้ว Oxfam ได้จัดอันดับให้ฮ่องกงเป็นหนึ่งในประเทศที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนห่างกันมากที่สุด
ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ได้รับผลกกระทบหนักที่สุดจากราคาอสังหาริมทรัพย์จึงหมดหวังกับรัฐบาล แอนดี้ เซี่ย นักเศรษฐศาสตร์อิสระในเซี่ยงไฮ้ เผยว่า การที่ราคาที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับเงินเดือนทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่มองไม่เห็นความหวัง เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถซื้อบ้านเพื่อเริ่มต้นครอบครัวใหม่ได้ ความผิดหวังหมดอาลัยตายอยากนี้เองที่ขับเคลื่อนการประท้วง
เช่นเดียวกับ อลัน ซีแมน ประธาน Lan Kwai Fong Group ของฮ่องกง ที่มองว่าชาวฮ่องกงมีสิทธิ์ที่จะแสดงความไม่พอใจรัฐบาล “ผมไม่ตำหนิที่คนรุ่นใหม่ออกมาประท้วง เพราะพวกเขารู้สึกสิ้นหวัง พวกเขายังต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่และยังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง”
นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงตกไปอยู่ในมือของมหาเศรษฐีไม่กี่คนเท่านั้น ในรายชื่อมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุด 10 อันดับแรกของฮ่องกง มีไทคูนอสังหาริมทรัพย์ถึง 9 คน และจากทั้งหมด 50 คน เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถึง 26 คน แอนดี้ เซี่ย มองว่าคนกลุ่มนี้คือคนที่กำหนดทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงที่แท้จริงและปั่นให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นๆ และแม้ว่ารัฐบาลฮ่องกงจะเปลี่ยนนโยบายด้านการเคหะหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นประโยชน์กับกลุ่มไทคูนอสังหาริมทรัพย์อยู่ดี
นอกจากจะปั่นให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นแล้ว ไทคูนบางรายยังถึงขั้นขัดขวางนโยบายจัดสรรที่อยู่อาศัยของรัฐบาลจนต้องพับโครงการไปในที่สุด โดยในสมัยของ ต่งเจี้ยนหัว ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนแรกหลังจากอังกฤษส่งมอบดินแดนแห่งนี้คืนให้จีน เขามีแผนจะสร้างที่พักอาศัยราคาถูกโดยตั้งเป้าไว้ปีละ 85,000 ห้องให้ชาวฮ่องกง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ชาวฮ่องกงได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้น ทว่าการขัดขวางของไทคูนอสังหาริมทรัพย์และนักการเมืองฝ่ายที่หนุนประชาธิปไตย บวกกับวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชียขณะนั้น ทำให้แผนการนี้ต้องเป็นหมันไป
ชาวฮ่องกงหลายคน รวมทั้งเหลียงชุนอิง อดีตผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง มองว่าหากรัฐบาลฮ่องกงทำตามนโยบายของต่งเจี้ยนหัวที่คาดว่าจะทำให้ชาวฮ่องกงเป็นเจ้าของที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 70% วิกฤตที่อยู่อาศัยในฮ่องกงคงไม่ร้ายแรงเหมือนเช่นทุกวันนี้
นอกเหนือจากนั้น ปัจจัยที่ดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงพุ่งสูงเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไปยังขึ้นอยู่กับการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย บริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่พากันประมูลซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงอย่างดุเดือด จนมีสัดส่วนในการถือครองอสังหาริมทรัพย์มากกว่าบริษัทเจ้าถิ่นบางแห่ง โดยเมื่อปี 2017 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน 2 เจ้ายอมทุ่มเงินทุบสถิติถึง 2,170 ล้านเหรียญสหรัฐซื้อที่ดินแปลงหนึ่งในฮ่องกง ซึ่งราคานี้สูงกว่ามูลค่าในท้องตลาดเกือบ 50% จากนั้นบริษัทเหล่านี้ก็จะกลับมาโขกราคาเอากับผู้ซื้อในฮ่องกงอีกทอดหนึ่ง ทำให้ความฝันที่จะมีที่พักอาศัยเป็นของตัวเองของยิ่งชาวฮ่องกงห่างไกลออกไป
อาจกล่าวได้ว่าปัญหาทางการเมืองเป็นตัวจุดชนวนให้ชาวฮ่องกงลุกขึ้นมาประท้วง แต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นจนไกลเกินเอื้อมและอนาคตในหน้าที่การงานที่มืดมนเป็นเสมือนลมที่โหมกระพือให้คนรุ่นใหม่ออกมารวมตัวกันอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะถอย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น